วิธีรับมือกับอาการปวดหัวไมเกรน โดยไม่ต้องพึ่งยาแก้ปวดเพียงอย่างเดียว

อาการปวดหัวที่เกิดขึ้นกับคนส่วนใหญ่นั้น อาจจะเป็นผลมาจากการที่กล้ามเนื้อมีอาการเกร็ง (Tension Type Headache) ซึ่งโดยทั่วไปแล้วอาการปวดหัวประเภทนี้จะไม่รุนแรงอะไรมากนักเมื่อเทียบกับอาการปวดหัวไมเกรน เนื่องจากอาการปวดประเภทนี้จะส่งผลรุนแรงต่อศีรษะมากกว่า โดยอาการที่แสดงออกมานั้นส่วนมากจะเริ่มมีอาการปวดที่บริเวณศีรษะข้างใดข้างหนึ่งก่อน แล้วจึงลามไปปวดบริเวณหน้าผากส่วนหน้า และปวดศีรษะทั้งสองข้างในที่สุด

โดยอาการปวดนั้นจะมีลักษณะปวดแบบตุบ ๆ อยู่ที่หัว สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการนี้ยิ่งมีการเคลื่อนไหวร่างกายมากเท่าไหร่ อาการปวดก็จะมีเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ในผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการปวดรุนแรงถึงขั้นคลื่นไส้อาเจียนเลยก็ได้ เพราะฉะนั้นเราไปดูกันดีกว่า โรคปวดหัวไมเกรนที่เกิดขึ้นนี้สามารถเกิดจากสาเหตุใดได้บ้าง ทั้งนี้เพื่อใช้เป็นแนวทางในการหาวิธีป้องกันเพื่อไม่ต้องพึ่งยาแก้ปวดหัวเพียงอย่างเดียวอีกต่อไปนั่นเอง

สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดหัวไมเกรน

             จากการศึกษาผลงานวิจัยหลาย ๆ แหล่งยังไม่สามารถระบุลงไปได้แน่ชัดว่าอาการปวดหัวแบบไมเกรนนั้นเกิดขึ้นจากสาเหตุใดกันแน่ เพียงแต่บอกได้รวม ๆ ว่าอาการนี้เกิดขึ้นจากความผิดปกติในการทำงานของระบบประสาทและสมอง ส่วนที่เป็นเส้นประสาทประเภทไตรเจอมินอล ประกอบกับความผิดปกติของเส้นเลือดในสมองบางเส้น ทั้งนี้ด้วยความผิดปกติที่เกิดขึ้นส่งผลให้อาการปวดหัวแบบไมเกรนของคนแต่ละบุคคลนั้นแตกต่างกันไป โดยอาการนี้จะถูกตรวจพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายประมาณ 2-3 เท่า

ปัจจัยที่สามารถเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการปวดหัวไมเกรนได้

             ปัจจัยที่กระตุ้นอาการของโรคนี้พบว่ามีด้วยกันหลายด้าน เช่น ด้านการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนภายในร่างกาย ซึ่งส่วนใหญ่จะพบมากในผู้หญิงเมื่อเป็นประจำเดือน ด้านอารมณ์ความรู้สึก เช่น ความเครียด ความเศร้า หรือกระทั่งความตื่นเต้น ด้านร่างกาย เช่น การพักผ่อนไม่เพียงพอ ความเหนื่อยล้าอ่อนเพลียจากการทำกิจกรรมต่าง ๆ หรือร่างกายอาจขาดสารอาหารหรือวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็น ด้านสิ่งแวดล้อม เช่น แสง เสียงรบกวน อุณหภูมิที่ส่งผลให้มีความร้อนหรือความเย็นที่มากเกินไป มลภาวะฝุ่นควันต่าง ๆ เป็นต้น

             การตอบสนองต่อปัจจัยใดนั้นก็ขึ้นอยู่กับอาการปวดไมเกรนของแต่ละคน สำหรับคนที่ต้องการลดการกินยานั้น จะต้องหมั่นสังเกตให้ดีว่าตัวเองนั้นตอบสนองต่อปัจจัยใด โดยอาจจดรายละเอียดก่อนการเกิดอาการทุกครั้งลงสมุด เป็นการบันทึกติดตามอาการของตนเองเพื่อหาว่าปัจจัยใดกันแน่ที่ส่งผลให้เกิดอาการปวดไมเกรน จากนั้นจะได้หาทางป้องกันไม่ให้ปัจจัยนั้นสามารถเข้ามารบกวนตนเองได้ เช่น หากพบว่าแสงเป็นสาเหตุปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการปวดหัวดังกล่าว ต่อไปทุกครั้งที่ต้องเจอกับแสงจ้า ๆ ก็ให้สวมแว่นตากันแดดเพื่อเป็นการป้องกันเบื้องต้น หรือหากแพทย์ตรวจพบว่าสาเหตุที่ทำให้เป็นโรคไมเกรนมาจากการขาดวิตามินหรือแร่ธาตุสารอาหารที่จำเป็นต่อสมอง ก็อาจจะต้องหาซื้ออาหารเสริมมารับประทานเพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นการป้องการไม่ให้เกิดอาการปวดหัวได้อีกทางหนึ่ง

วิธีป้องกันและรับมือกับอาการปวดหัวไมเกรน

             อย่างไรก็ตามเมื่อทราบเหตุปัจจัยแล้วก็จะช่วยให้เราสามารถป้องกันอาการปวดหัวได้ในระดับหนึ่ง แต่ทั้งนี้ก็ยังมีวิธีการอื่น ๆ ที่จะช่วยให้เราป้องกันและรับมือกับอาการปวดไมเกรนได้ โดยไม่ต้องพึ่งยาแก้ปวดเพียงอย่างเดียว ดังนี้

             1. พักผ่อนอย่างเพียงพอ เนื่องจากร่างกายคนเราต้องการการฟื้นฟูเพื่อซ่อมแซมส่วนที่ถูกใช้งานตลอดทั้งวัน ดังนั้นการนอนให้เพียงพออย่างน้อย 6 – 8 ชั่วโมงต่อวัน จึงนับเป็นเรื่องที่จำเป็นและสำคัญเป็นอย่างยิ่ง

             2. ออกกำลังกายเป็นประจำ เพราะการออกกำลังกายนอกจากจะช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังเป็นการช่วยลดความเครียดไปได้ในตัวอีกด้วย

             3. งดรับประทานอาหารที่ให้โทษและไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกาย

             4. รับประทานอาหารเสริมเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายอย่างเพียงพอ

             5. หลีกเลี่ยงปัจจัยที่จะก่อให้เกิดอาการปวดหัว

เชื่อว่าหากทำได้ทั้งหมดนี้ ก็สามารถมั่นใจได้เลยว่าอาการปวดหัวไมเกรนแบบเดิม ๆ จะไม่สามารถทำอะไรเราได้อีกแล้ว หรือหากยังมีอาการอยู่ แต่ปรับวิธีรับมือได้ตามนี้คุณก็ลืมเรื่องการสะสมของยาในตับที่เกิดจากการกินเป็นระยะเวลานานมากเกินไปได้เลย

ชอปปิงกับ Shopee ในแคมเปญใน  9.9 แคมเปญใหญ่เอาใจนักชอปแบบจัดหนักจัดเต็ม ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://shopee.co.th/m/99

Comments are Disabled